ท่านสามารถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดจัีนทบุรีได้ โดยข้าพเจ้าจะอาสา เป็นไกด์นำเที่ยวให้ท่านเอง ที่จันทบุรีนั้นมี สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น ภูเขา ป่าไม้่ น้ำตก ทะเล ซึ่งจันทบุัรีนี้ จัดได้ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวครบ ตามที่ท่านต้องการเลย ซึ่งหาได้ยากมากที่จะมีสถานที่ ที่ครบทุกความต้องการของท่าน เชิญมาท่องเที่ยวกับเราได้เลย...

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

วัดหลวงพ่อใหญ่


วัดโยธานิมิต" ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตำบลบางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระ เป็นลักษณะเฉพาะของอุโบสถที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากศิลปะแบบจีน
ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สภาพปัจจุบัน วัดโยธานิมิต อยู่ในค่ายเนินวง และอยู่ห่างจากแนวกำแพงของค่ายเนินวง ประมาณ 100 เมตร เนื้อที่วัดประมาณ 1 ไร่ โดยมีแนวกำแพงรอบวัดก่อด้วยศิลาแลง สภาพปัจจุบันเหลือแต่แนวกำแพงเป็นบางส่วน จากแนวกำแพงรอบวัด หลังโบสถ์มีเจดีย์สูงประมาณ 20 เมตร มีกำแพงรอบอุโบสถก่ออิฐถือเป็นปูนสองชั้น ชั้นนอก กว้าง 27 เมตร ยาว 55 เมตร สูง 1.20 เมตร ชั้นในกว้าง 18 เมตร ยาว 28 เมตร สูง 1 เมตร

วัดโยธานิมิตเป็นหนึงในเก้าวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ของจังหวัดจันทบุรี ต้อนรับนักท่องเที่ยวมาจากต่างจังหวัด ที่มาเยือน ทางเข้าวัด อยู่ริมถนนท่าแฉลบ ห่างจากเขตเทศบาลเมืองจันทบุรีประมาณ 4 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้พิพิทธภัณฑ์แห่งชาติพาณิชยนาวี




พระมงคลเทพนิมิต หรือหลวงพ่อใหญ่ ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดโยธานิมิต ภายในโบสถ์ มีจิตกรรมฝาผนัง เกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธเจ้า รอบกำแพงอุโบสถ สวยงามมาก ตรงกลางจะเห็นหลวงพ่อใหญ่ นั้งสมาธิอยู่ องค์ใหญ่มาก วัดโยธานิมิตตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองของค่ายเนินวง ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 4 เมตร หล่อด้วยดินศิลาแลงผสมงบน้ำอ้อย

ประชาชนชาวจันทบุรีนิยมเข้าสักการะหลวงพ่อใหญ่เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน เพราะเนื่องจากเชื่อว่ามีเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด จึงมีชาวบ้านและบุคคลทั่วไป เดินทางมากราบไหว้จำนวนมากในแต่ละวันรวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย หากมีโอกาสไปเยือนเมืองจันทบุรี ขอเชิญไปกราบไหว้ พระมงคลเทพนิมิต หรือหลวงพ่อใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ค่ายเนินวง








ค่ายเนินวงตั้งอยู่ที่ ตำบลบางกะจะ อะเภอเมือง บนถนนหลวงหมายเลข 3147 ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตร เป็นค่ายเก่าแก่ สร้างในสมัย รัชการที่ 3 เพื่อปกป้องการรุกรานของชาวญวน บนกำแพงค่ายวางปืนใหญ่เรียงรายอยู่โดยรอบหลายสิบกระบอก เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 8.30 - 16.30 นาฬิกา โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ภายในค่ายเป็นที่ตั้งขอัีงสำนักงานโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร และพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติพาณิชย์นาวี



บริเวณพื่นที่มีต้นไม้ล้อมรอบบริเวณ ให้ความร่มรื่นมาก เมื่อเข้ามาจะเห็นโดมที่ก่อสร้างเป็นซุ้มประตู ข้างบนซุ้มประตูเป็นที่ สำหรับมองข้าศึกที่อยู่ไกลออกไปได้ และปืนใหญ่ที่วางเรียงรายอยู่โดยรอบ มีทั้งกระบอกเล็ก และใหญ่ โอบล้อมรอบกำแพงดิน สูงหลายสิบเมตร แต่ก่อน ที่บริเวณแห่งนี้ ใช้มองข้าศึก ที่จะมารุกราน จากทางทะเล เพราะค่ายหันหน้าไปทางทะเล และชาวบ้านทั่วบริเวณส่วนใหญ่ จะปลูกสละ เรียกว่า สละค่ายเนินวงศ์ มีรสชาต หวาน เปรี้ยว รสจัดมาก ขายกิโลกรัมละ 35-40 บาท

ภายในค่ายเนินวงยังมี ศาลของพระเจ้าตากสิน และ วัดโยธานิมิตร เป็นวันเก่า มีพระพุทรูปศักศิทธิ์ คือ หลวงพ่อใหญ่ ที่อยู่ภายในโบสถ์ และบริเวณวัดย้งมี เจดีย์องค์ใหญ่ อยู่หน้าโบสถ์

การเดินทางมา ใช้ถนนหลวงหมายเลข 3147 เมื่อผ่านโรงแรมอีสเทรินอยู่ทางซ้ายมือ ให้ตรงไปถนท่าแฉลบประมาณ 6 กิโลเมตร และมีทางแยกขวามือไป อำเภอท่าใหม่ ให้เลี้ยวขวาไปประมาณ 400 เมตร(อำเภอท่า
ใหม่ตรงไปอีก) ประตูทางเข้าจะอยู่ทางขวามือ ที่เห็นจากภาพ จะเจอซุ้มประตูครับ เชิญเข้าไปชมได้ครับเพื่อนๆ มาที่ค่ายเนินวงแล้วยังได้ชมศาลพระเจ้าตากสินมหาราช , ภานิชย์นาวี ,วัดโยธานิมิต มาที่เดียวได้เที่ยว อีกสามแห่งเลยน่ะครับ คุมครับ เพราะอยู่ในบริเวณเดียวกันแค่เดินก็ถึงแล้ว ถือโอกาสชมธรรมชาติไปในตัวด้วยน่ะ อากาศดีมากๆ เลย ขอบอก....


วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

นมัสการรอยพระบาทพลวง ตอนที่2

สวัสดีครับ มาติดตามตอนที่ 2 ต่อกันเลยน่ะครับ
หลังจากที่เรานั้งรถมาถึง 2 ต่อแล้วเราก็จะมาถึงลานด้านล่างก่อนที่จะเดินเท้าขึ้นเขาแล้วครับ เมื่อมาถึงลานกว้างก็จะเห็นพระพุทธรูปให้ไหว้ก่อนการเดินทางครับ คนจะเยาะมากบริเวณนี้ เพื่อรอรถลงกลับ


ดูจากรูปเห็นคนเยาะมากๆ ทั้งคนที่กำลังจะขึ้นไป และคนที่กำลังจะลงมาจากเขาเพื่อรอรถลงที่จุดนี้ครับ แล้วเราก็เดินเท้าต่อไปอีกประมาณ ห้ากิโล ครับทนเมื่อยหน่อยน่ะ ความน่าตื่นเต้นกำลังรอเราอยู่ ได้เวลาบริหารเท้ากันแล้วมา มาเร็ว


ทางขึ้นก็ลาดชันแต่ก็ยังมีบันไดให้เดินได้สะดวกที่บริเวณข้างทางจะมีต้นไม้ใหญ่เล็กเยาะมาก และที่พื้นก็จะเห็นดอกดาวเรืองที่โรย อยู่ทั้งบริเวณทางเดินครับ อากาศสดชื่นมากได้กลิ่นไอธรรมชาติมากครับ ระหว่างเดินก็ต้องจับราวบันไดด้วยน่ะครับ เพราะอากาศข้างบนเขานี้่ชืน เย็นสบายมาก ทางเดินขึ้นเขาก็จะเป็นทางลาดปูนสลับกับทางดิน เดินกันไปเรื่อยๆ ครับ อีกนิดเดียวก็จะถึง พระบาทพลวงแล้ว เป็นหินรูปบาตร อยู่บนเขาและก็มีรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า (ตามความเชื่อ) ครับ ด้านบนคนยิ่งเยาะมากกว่านี้ครับ เราก็จะขึ้นไปกราบไหว้พระด้านบนครับ แล้วก็ขอพรให้ จากรูปด้านล่างนี้จะเ็ห็น หินที่เหมือน หรือ คลายกับบาตรพระ ที่ตะแคงอยู่ หินนี้ตั้งอยู่บนหินก้อนใหญ่ ใหญ่มากๆ ดูจากรูปจะเห็นคนมาขอพรพระ เยาะมาก จนเต็มบริเวณลาน ครับ ตรงนี้แหละครับ ที่ผู้คนจากทุกทั้วสารทิศ ต้องการจะมาที่แห่งนี้ มีผู้คนจากทั้วประเทศมานับแสนคนเลยครับ เป็นแหล่งที่เ่ด่นติด แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีครับ

แต่งงานนมัสการนี้จะเปิด ปีละ หนึ่งครั้งน่ะครับ ปีหนึ่งก็เปิด ประมาณ สามเดือน ครับ อย่างที่กล่าวไว้ตอนแรก หลังจะนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะปิดและจะไม่มีผู้ใดขึ้นมาที่บนเขาแห่งนี้ครับ คือคืนธรรมชาติ





จากรูป คนกำลังไหว้รอยพระพุทธบาทอยู่ครับที่ตรงคนกำลังล้อมวงนั้นแหละ มีรอยพระพุทธบาทอยู่บริเวณนั้น ผมยังเข้าไม่ถึงเลยครับ เพราะทางเดินไม่มี คนเยาะมากๆ กว่าจะเข้าถึง นานเหมือนกัน เบียดกันเข้าไป กว่าจะถึง บนลานหินอากาศดีมาก ลมเย็นสบาย มองไปด้านล่างเห็นรถ เท่ากับหัวไม้ขีดไฟ คุณคิดดูซิว่ามันสูงขนาดไหน ผมยังเสียๆ เลยครับเมื่อยืนมองลงไปด้านล่าง ใครที่เป็นโรคหัวใจไม่แน่ะนำให้ไปยืนที่บริเวณริมๆ ขอบหินนาน ๆ น่ะครับ อันตราย ที่บริเวณลานหินลาดชันมากครับ ต้องค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังครับ

จากรูปทั้งหมดที่ผมได้ถ่ายมาเองนี้คัดเอารูปที่เป็นส่วนสำคัญ มาให้เพื่อนๆ ดูกันน่ะครับ ยังมีรูปที่ผมถ่ายเก็บไว้อีกหลายรูป ที่เป็นวิว ต้นไม้ หินที่แปลก คล้ายๆ รูปช้าง และภายในถ้ำฤษี และของฝาก ของขลัง ของหลวงพ่อเขียน แห่งวันกระทิง เกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่ท่านเริ่มบุกเบิก ณ ที่แห่งนี้ ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงปัจจุบัน ได้พัฒนาไปมากบริเวณทางขึ้นเขา สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องที่จะขึ้นมานมัสการรอยพระพุทธบาท ทุกปีครับ

ผมขอจบการท่องเที่ยว นมัสการรอบพระพุทธบาทพลวงไว้เท่านี้น่ะครับ แล้วถ้ามีอะไรเด็ดๆ จะนำมาอัพเดทข้อมูลเพิ่มให้เพื่อนๆ ได้ดูอีกน่ะครับ ขอบคุณมากครับที่ติดตาม บล็อก ของผม

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

นมัสการรอยพระบาทพลวง ตอนที่ 1

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพามานมัสการรอยพระบาทพลวงครับ ตามมาเลย....
งานนมัสการจะจัดขึ้นในวันแรง 15 ค่ำ เดือน 2 ของทุกปี ช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงมาฆบูชา (มกราคม-มีนาคม) ที่บริเวณยอดเขาคิชฌกูฏ ตำบลพลวง อำเภอมะขาม เป็นงานประเพณีที่สืบทอดกันมานานหลายสิบปี โดยมีความเชื่อว่าจะได้รับผลบุญสูง ทั้งย้งเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ภายในงานมีการบวงสรวงเทพยาอารักษ์ พิธิปิดทองรอยพระพุทธบาทและการจัดเดินป่าขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ ในอดีตจะต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา ประมาณ 15 กิโลเมตร แต่ปัจจุบันมีรถให้บริการทำให้สะดวกยิ่งขึ้น ตามผมมาดูกันต่อเลนน่ะครับ


ในการเดินทางมานมัสการรอยพระบาทพลวงนั้น เราต้องเดินทางมาที่วัดกระทิงน่ะครับ แล้วเราจะขึ้นรถกระบะเพื่อจะขึ้นไปบนยอดเขาน่ะครับ จากภาพด้านล่างนี้เมื่อเราขึ้นรถจากวัดแล้วก็เดินทางมาเรื่อๆ จะเห็นทางขึ้นอ่างเก็บน้ำพลวงครับ เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ และทางชันครับ สังเกตุดูได้จะกรถที่บรรทุกคนซิ หน้ารถเชิดขึ้นเชียว



ทางขึ้นลาดชันมากในการขับต้องใชัความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าประมาทเมื่อไร เป็นได้ตก เขา แน่นอน


มองจากด้านล่าง เห็นไหมครับว่า สูงมาก เห็นรถคันเล็กนิดเดียวเองครับ พอเรามาถึงด้านบนอ่างเก็บน้ำ จะเป็นลานกว้างๆ ที่ใช้เก็บน้ำ และไปแจกจ่ายเป็นน้ำสำหรับทำการเกษตร และน้ำใช้ของชาวจันท์ ครับ



ผู้คนที่ขึ้นไปบนเขา กำลังทะยอยเดินลงมายังพื้นล่างครับ ผมจะเป็นไกด์ต่อไปน่ะครับ จากพื้นหน้าวัด เราต้องเดินทางนั่งรถ 2 ต่อ คือต่อแรก จะเป็นจากวัดถึงบริเวณบนเขาช่วงที่ 1 และยังต้องต่อรถไปอีก 1 ต่อ ซึ่งต่อที่ สอง นี้เขาจะชันมากกว่าต่อแรกมาก แล้วก็จะถึงบริเวณลานกว้าง ที่จะขึ้นไปนมัสการพระบาทพลวงครับ จากนี้ต่อไป ก็จะเป็นการเดินเท้า อย่างเดียวครับ ทางชันพอสมควร แล้วเดี่ยวตอนต่อไปผมจะพามาเที่ยวต่อล่ะกันน่ะครับ เมื่อเราขึ้นมาถึงบริเวณอ่างเก็บน้ำพลวง ก็จะพบลานกว้างใช้เป็นที่หยุดพักได้ครับดูจากรูป และเตรียมจะขึ้นเขาแล้ว เริ่มจากตรงนี้ครับความตื่นเต้นกำลังจะมาแล้วครับ ตามมาเร็วๆ



ภาพทางด้านขวามือดูในรูป นี้เราเริ่มที่จะขึ้นเขาจริงๆ แล้วน่ะครับ รูปทางด้านขวามมือจะเห็นศารเจ้าพ่อขุนด่าน ซึ่งผู้คนที่จะขึ้นไปบนเข้าต้องทำความเคารพครับ ดูป้ายซิ มีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาตเขาคิชฌกูฏอยู่ด้านบนด้วย ตามมาเลยครับ อึ๊บ อึ๊บ ....


เจ้าพ่อขุนด่านอยู่ทางด้านขวามือก่อนจะขึ้นเข้า ครับดูชัดๆนะแล้วอย่าลืมทำความเคารพด้วยละ เพื่อขอให้ท่านคุ้มครองเราในระหว่างทางเดินขึ้นเขา ครับ มาตามทางเรื่อยๆ เราก็จะพบกับศูนย์พิทักอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจรถที่ วิ่งขึ้นและลง มาจากบนเขา ครับ เพื่อป้องกันการนำของป่า หรือจับสัตว์ออกมาจากด้านบนเขาครับ เขาทำตามหน้าที่ครับ



เริ่มจะเป็นทางแอดแวนเจอร์ แล้วครับ เป็นทางดิน ล้วนๆ ครับ รถแต่ละคันลุย กันแบบสุดๆ คนขับใช้ฝีมือมากในการขับเพราะเป็นทางแคบและชันมาก และพื้นผิวถนนลื่นมาก รถต้องสภาพพร้อม




จากรูปเห็นได้ว่าเป็นทางลาดชันมาก รถวิ่งสวนทางกันเส้นทาง คดเคี้ยว เลี้ยวไปมา และก็ทางขึ้นเขาลาดชันมาก และจะเป็นทางแบบนี้ไปเรื่อย ๆประมาณ เกือบสิบกิโล นั่งรถกระบะ สองต่อ แล้วเราก็จะขึ้นไปสู่ลานด้านบนเตรียมพร้อมที่จะเดินเท้าขึ้นเขาแล้วครับ พบกันใหม่ตอนหน้าน่ะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

หาดเจ้าหลาว



หาดเจ้าหลาวเป็นทรายละเอียด ทรายที่นี่จะเป็นสีค่อนข้างแดงปนขาว เมื่อน้ำลงแนวสันทรายจะโผล่พ้นน้ำ ทอดเป็นนวยาวออกไปจนถึงอ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งทั้งสองหาดนี้มีเขตห้ามล่าสันป่าคุ้งกระเบนขั้นกลางอยู่ ส่วนทางด้านชายหาดตะวนออกเป็นแหลมหิน บริเวณสันเขาของหาดเจ้าหลาวเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ทะเลที่สวยงามมาก มีกลิ่นไอทะเล ทำรู้สึกสดชื่นมาก มีลมพัดตลอด หรือถ้าจะมาเดินเล่นตามเนินเขา มานั่งตกปลาก็ได้ และจากหาดเจ้าหลาวไปไม่ไกล ก็จะมีที่ให้เราสามารถออกไปดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นได้




หาดเจ้าเหลาเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เพราะมีทั้งที่พัก และร้านอาหาร ทะเลขึ้นชื่อในความสดใหม่ เช่นปูดำ หมึก ปลากะรัง ปลากะพง ซึ่งเมื่อนำมาทำอาหาร ต้องขอบอกว่า อร่อยมาก เพราะมีชาวบ้านที่ทำการประมงที่อยู่บริเวณชายหาดเค้าหาสัตว์น้ำมาเอง และก็นำมาขายให้กับนักท่องเที่ยว หรือเราอาจจะให้เขาทำเป็นอาหารให้กับเราก็ได้ ผมได้ทดลองกินมาแล้ว รู้สึกว่าอาหารสดมาก และอร่อยจริงๆ ถ้าใครว่างอย่าลืมแวะมาน่ะครับ ขอแนะนำ

มีสิ่งที่น่าสนใจที่หาดเจ้าหลายอีกอย่างหนึ่งคือดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น ที่บริเวณชายหาดนี้มีเรือท้องกระจำสำชมแนวปะการังน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง คิดค่าบริการประมาณ 500 บาทต่อชั่วโมง สอบถามได้จากบังกะโลที่พัก หรือ ร้านอาหารบริเวณชายหาด แนวปะการังที่ขนานไปตามแนวชายฝั่งระยะทางหลายกิโลเมตร อยู่ห่างจากชายฝั่งออกไป ทางเรือนั่งประมาณ 10 นาที มีปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ปะการังจาน ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากมาดำน้ำดูปะการังนั้น ผมขอแนะนำให้มาช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน เพราะยังไม่เข้าสู่ฤดูฝน ถ้ามาในฤดูฝน จะมีคลื่นลมแรงและน้ำทะเลจะขุ่น ไม่สามารถดำดูปะการังได้ ครับ

ส่วนที่ตั้งและการเดินทางมาหาดเจ้าหลาวนี้ ผมได้เก็บนำมาฝากให้เพื่อนๆ ที่อยากจะมาเที่ยวครับ
อยู่ใน ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ ทางด้านตะวันออกของอ่าวคุ้งกระเบน ถ้านำรถยนต์ส่วนตัวมา จากถนนสุขุมวิท ตรงหลักกิโลเมตร 302 ไปตามทางหลวงหมายเลข 3399 เมื่อถึงบ้านหมูดุดจะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้าย จะเห็นป้ายบอกทางไปหาดเจ้าหลาว ระยะทางประมาน 3 กิโลเมตร ก็จะถึงแล้วครับ เป็นไงครับ คงจะมาถูกน่ะครับ


















ส่วนค่าที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก มีที่พักลักษณะเป็นบังกะโล หลายแห่งครับ เรียงรายไปตามถนนจากช่วงต้นหาดจากสามแยกบ้านหมูดุดเป็นต้นมา ราคาที่พักตั้งแต่ 500-4,500 บาท แล้วแต่ว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากไหม เช่น แอร์ ตู้เย็น ทีวี อาหารเช้า ฯลฯ
ส่วนผมได้ไปพักมาในราคา คืนละ 2,000 บาท ครับ มีครบเลย ดูได้จากรูปน่ะครับ และบริการดีมากครับ

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน

วันนี้ผมพามาเที่ยวป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนครับ อ่าวคุ้งกระเบนมีลักษณะเป็นอ่าวที่มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ จะเป็นอ่าวที่ล้อมด้วยสันทราย มีทางเข้าออกที่น้ำทะเลไหลเข้าออกทางเดียว และมีคลองน้ำจืดหลายสายไหลลงอ่าวครับ และที่ตั้งของอ่าวยังมีที่ตั้งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเป็นโครงการพระราชดำริ เพื่อพัฒนาพื้นที่อย่างครบวงจรด้วยวิทยาการสมัยใหม่ มสภาำพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าโกงกางที่สมบูรณ์มากเลยครับ แต่ตอนที่ผมไปนั้นมันเป็นช่วงน้ำลดครับ เลยจะเห็นแต่พื้นทรายและมองเห็นหาดกว้างสุดสายตา และที่ชายหาดนี้จะมีชาวบ้านออกมาเก็บหอยปากเป็ด หอยกระปุก หอยนางรม และปูดำ แล้วนำมาทำอาหารกินครับ



และยังมีเส้นทางเดินสำหรับผู้เดินชมศึกษาด้วยตนเองป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนอยู่ตรงข้ามกับชายหาดแหลมสิงห์แต่เดิมป่าชายเลนเป็นป่าที่เสื่อมโทรมากแต่ปัจจุบันนี้มีโครงการในพระราชดำริเกิดขึ้นมาแล้ว ทำให้ป่าชายเลนแห่งนี้กลับพลิกฟื้นคืนสู่ธรรมชาติ ขึ้นมาดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยาะ มีความเป็นธรรมชาติมาก มีสัตว์เล็กต่าง ๆ เช่น ปูก้ามดาบ* หอย ปลา หลายชนิด ที่ป่าชายเลนนี้มีทางเดินเป็นสะพานไม้ยาว ประมาณ 850 เมตร เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน และยังมีศาลาที่ให้ข้อมูลความรู้่ต่างๆ มี 8 ศาลา แต่ละศาลาจะเป็นการแนะนำ ต้นกำเนิดป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบนแห่งนี้ แต่ละศาลา ให้ข้อมูลได้ดีมาก ทำให้เราได้รู้แหล่งที่มาของสถานที่แห่งนี้ ครับ




รูปทางด้านซ้ายมือนี้ เป็นศาลาที่ 1 ครับ ที่ให้ข้อมูลของแหล่งกำเนิดของอ่าวคุ้งกระเบน รายละเอียดดีมากครับ และยังมีอีก 7 ศาลา ผมเก็บภาพมาได้ภาพเดียวครับ ถ้าอยางทราบรายละเอียดกว่านี้เดี๋ยวผมไปเก็บมาให้อีกครับ นี่เป็นตัวอย่างเท่านั้น ครับ








ปูก้ามดาบ* เป็นปูที่มีส่วนในระบบนิเวศ ทำหน้าที่กวาดตะกอนดินกินเป็นอาหาร จากนั้นจะปล่อยดินทรายกลับคืนออกมาในรูปของมูล ซึ่งอุดมไปด้วยธาตุไนโตรเจน และคาร์บอน ธาตุอาหารสำคัญของสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลน และปูก้ามดาบยังทำรังโดยขุดรูืที่บริเวณพื้นดิน เพื่อช่วยให้ออกซิเจนผ่านสู่ชั้นดินที่ลึกลงไปได้ดี และช่วยให้น้ำทะเลซึมผ่านจากผิวดินได้มากขึ้นส่งผลการเจริญเติบโตของป่าชายเลนอีกด้วย


เป็นสะพานทางเดินเชื่อมต่อไปศาลาต่างๆ ทั้ง 8 ศาลา ที่ให้ข้อมูลของป่าชายเลนครับ ธรรมชาติดีมาก ได้กลิ่นไอ ธรรมชาติดีมากครับในการสำรวจป่าชายเลนที่อ่าวคุ้งกระเบน


หากเพื่อนๆ สนใจอยากจะมาเที่ยวศึกษาธรรมชาติมาได้นะครับติดต่อที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน หมู่ 4 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 22120 โทร. 039-369215-8

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำตกพลิ้ว



น้ำตกพลิ้วอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี ประมาณ 14 กิโลเมตร นั่งรถหรือขับรถ สะดวกสบาย โดยเดินทางมาจากอำเภอเมืองจันท์ บนเส้นทางถนนสุขุมวิท เส้นทางที่จะเดินทางไปอำเภอขลุง จะเห็นทางเข้าน้ำตกพลิ้วอยู่ทางซ้ายมือแยกจากถนนสุขุมวิท ขับมาตามทางจะเห็นร้านค้าที่ขายอาหาร ของกินอยู่ทั้งสองข้างทาง ส่วนมากทางร้านจะขายอาหารกิน เช่นส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ลาบ น้ำตก(อยู่ข้างบน)ของขบเคี้ยว มีให้เลือกหลายอย่าง เลยครับ จะมีคนในร้านมาคอยโบกรถให้ลูกค้าเข้าจอดที่หลังร้านได้เลย แล้วเราก็มาสั้งอาหารด้านหน้าร้าน แต่ที่นี้เค้าจอดฟรีน่ะครับ แต่ มีข้อแม้ว่า ทางเรา(ลูกค้า)ต้องซื้ออาหารจากทางร้าน มันเป็นธรรมเนียมครับ เค้าบริการดีมากๆ อร่อย และแต่ละร้านค้าจะมีถั่งฝักยาวขายครับ ผมเคยถามว่าเอาไว้ทำอะไร เค้าบอกว่า กินกับส้มตำก็ได้ หรือจะให้ปลากินก็ได้ (ปลาพลวงที่นี่ชอบกินมากๆ)

เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2518 อยู่บริเวณเทือกเขาสระบาป อยู่ที่อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว สภาพเป็นเทือกเขาสูง สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น สมบูรณ์มาก มีสัตว์เล็กๆมากมาย และพันธ์ไม้ที่หายากหลายชนิด เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมีน้ำตลอดปี น้ำใสมากมองเห็นพื้นล่าง ส่วนใหญ่เป็นหินและทราย ภายในน้ำมีปลาใหญ่และเล็ก มากมาย ปลาที่อยู่ในน้ำมีชื่อว่าปลาพลวง มันเชื่องมาก ไม่กลัวคนเลย บางทีมันก็ว่ายมาตอดบริเวณขาของผู้ที่เล่นน้ำตก




วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ของชาวจันท์ยังมีแหล่งท่างเที่ยวอีกแห่งหนึ่งคือ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว คนทั่วไปนิยมไปพักผ่อน เล่นน้ำ ให้อาหารปลาพลวง ในรูปนี้เป็นชั้นบนสุดของน้ำตกพลิ้งครับ จากภาพจะเห็นว่าผู้คนมากมายพา ลูกๆ หรือเพื่อนๆ มาเล่นน้ำกันที่ชั้นบนนี้มากที่สุด สายน้ำที่ตกลงมาจากเขาสระบาป มีน้ำตลอดทั้งปี จะมากในฤดูฝน น้ำเย็นมาก และใส มองเห็นตัวปลา ปลาพลวงที่นี่เยาะมาก ปลาพลวงชอบกินพืช เช่นถั่วฝักยาว มีคนขายอยู่ที่ร้านค้าก่อนทางขึ้นมายังน้ำตกครับ





อลงกรณ์เจดีย์อยู่บนเนินก่อนถึงตัวน้ำตกประมาณ 50 เมตร อลงกรณ์เจดีย์เป็นเจดีย์ทรงลังกาขนาดย่อม สร้างด้วยศิลาแลง ไม่ฉาบปูน บริเวณนี้เป็นจุดชมน้ำตกพลิ้วที่งดงามจุดหนึ่ง สามารถมองเห็นแอ่งน้ำ

ส่วนพีระมิดพระนางเรือล่มสร้างด้วยแผ่นอิฐเป็นพระมเหสีของรัชกาลที่ 5 ที่เคยเสด็จประพาสที่น้ำตกพลิ้งแห่งนี้
ถ้าเพื่อนๆ อยางจะมาเที่ยวที่น้ำตกพลิ้ว สามารถเดินทางมาได้น่ะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับของเมืองจันท์ น่ะครับ ท่านจะได้รับอากาศที่สดชื่นมากๆ ไ้ด้กลิ่นไอธรรมชาติ ถ้ามาไม่ถูกสามารถโทรสอบถามได้มีรายละเอียดดังนี้น่ะครับ ผมไปสอบถามมาให้แล้ว โทรถามได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี 22190 โทร. 039-434528 E-mail: namtokphlio@hotmail.com















































































ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน

ฉันเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย และชอบศึกษาธรรมชาติในสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปสัมผัส และยังช่วยอนุรักษ์พันธ์สัตวป่า ไม่ทำลายระบบนิเวศวิทยาของป่า ไม่ทำลายป่า ต้นน้ำ ชวยให้สภาพป่ากลับมาสมบูรณ์ และไม่เอาเปรียบผู้อื่น ชอบช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อน โดยที่ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน